วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

เทพี ดิมิเทอร์ Demeter

...ซูสเทพปริณายก มีเทวีภคินี 3 องค์ ในจำนวนนี้ 2 องค์เป็นคู่พิศวาสของซูสด้วย องค์หนึ่งคือเจ้าแม่ฮีรา ที่เราได้รู้จักกันมาแล้ว อีกองค์ทรงนามว่า ดีมิเตอร์ (Demeter) ตามชื่อกรีกหรือภาษาโรมันว่า ซีริส (Ceres) เป็นเทวีครองข้าวโพด ซึ่งหมายถึงการเกษตรกรรมนั่นเอง

เจ้าแม่ดีมิเตอร์มีธิดาองค์หนึ่งทรงนามว่า พรอสเสอะพิน (Proserpine) หรือ เพอร์เซโฟนี (Persephone) เป็นเทวีครองฤดูผลิตผลของพืชทั้งปวง เพื่ออธิบายธรรมชาติของการผลัดฤดู กวีกรีกโบราณจึงผูกเรื่อง ให้เทวีองค์นี้ถูกฮาเดสลักพาตัวไปเป็นคู่ครองในยมโลก ดังมีเรื่องพิสดารดังนี้

ฮาเดสปกครองยมโลกอยู่คนเดียว โดดเดี่ยวไร้คู่ปฏิพัทธ์มาเป็นเวลานาน หามีเทวีองค์ใดไยดีที่จะร่วมเทวบัลลังก์ กับเธอ เทวีแต่ละองค์ที่เธอทอดเสน่หา ต่งองค์ต่างก็ไม่สมัครรักใคร่เธอ ด้วยไม่ปรารถนาจะลงไปอยู่ในใต้หล้าแดนบาดาล อันดวงสุริยาไม่สามารถทอแสงลงไปถึง ทำให้เธอมึนตึงหมางหทัยนัก ในที่สุดจึงต้องตั้งปณิธานจะไม่ทอดเสน่หาใครอีกเป็น อันขาด หากปฏิพัทธ์สวาทกับใคร ก็จะฉุดคร่าพาเอาลงไปบาดาลดื้อ ๆ

วันหนึ่งเพอร์เซโฟนีพร้อมเพื่อนเล่นทั้งมวลชวนกันลงเที่ยวสวนดอกไม้ เที่ยวเด็ดดอกไม้อันจรุงกลิ่น สอดสร้อย ร้อยมาลัยอยู่เป็นที่สำราญ บังเอิญฮาเดสขับรถทรงแล่นผ่านมาทางนั้น ได้ยินสรวลสรรหรรษาร่าเริงระครเสียงขับร้องของ เหล่านางอัปสรสาวสวรรค์ลอยมา เธอจึงหยุดรถทรง ลงไปเยี่ยมมองทางช่องสุมทุมพุ่มไม้ ครั้นพบเทวีรุ่นสะคราญทรงโฉม วิลาสลิไลนักให้นึกรัก จะเอาไปไว้ในยมโลก เธอจึงก้าวกระชากชิงอุ้มเพอร์เซโฟนีเทวีขึ้นรถไปในทันที

ฮาเดสขับรถเร่งไปจนถึงแม่น้ำ ไซเอนี (Cyane) ซึ่งขวางหน้าอยู่เห็นน้ำในแม่น้ำเกิดป่วนพล่านแผ่ ขยายท่วมท้นตลิ่งสกัดกั้นเธอเอาไว้ จึงชักรถไปทางอื่น ใช้มือถือคู่หัตถ์มีง่าม 2 แฉก กระแทกกระทุ้งแผ่นดินให้แยก ออกเป็นช่อง แล้วขับรถลงไปยังบาดาล ในขณะเดียวกันนั้น เพอร์เซโฟนีแก้สายรัดองค์ขว้างลงในแม่น้ำ ไซเอนี พลาง ร้องบอกนางอัปสรประจำแม่น้ำให้เอาไปถวายเจ้าแม่ดีมิเตอร์ ผู้มารดาด้วย

ฝ่ายดีมิเตอร์แม่โพสพกลับมาจากทุ่งข้าวโพด ไม่เห็นธิดา เที่ยวเพรียกหาก็ไม่พานพบวี่แววอันใด เว้นแต่ ดอกไม้ตกเรี่ยราดกลาดเกลื่อนอยู่ เจ้าแม่เที่ยวหากระเซอะกระเซิงไปตามที่ต่าง ๆ พลางกู่เรียกไปจนเวลาเย็นให้อาดูร โทมนัสนัก ล่วงเข้าราตรีกาลเจ้าแม่ก็ไม่หยุดพักการเสาะหาธิดา จนถึงรุ่งอรุรของวันใหม่ แม้กระนั้นเจ้าแม่ก็ไม่ลดละ ความพยายาม คงดั้นด้นเรียกหาธิดาไปตามทางอีก มิได้ห่วงถึงภาระหน้าที่ประจำที่เคยปฏิบัติแต่อย่างใด

ดอกไม้ทั้งปวง จึงเหี่ยวเฉาเพราะขาดฝนชะโลมเลี้ยง ติณชาติตายเกลี้ยงไม่เหลือเลย พืชพันธุ์ธัญญาหารถูกแดดแผดเผาซบเซาหมด ในที่สุดเจ้าแม่ก็สิ้นหวังระทดระทวยหย่อนองค์ลงนั่งพักที่ริมทางใกล้นครอีลูสิส ความระทมประดังขึ้นมาสุดที่จะหักห้าม เจ้าแม่ก็ซบพักตร์กันแสงไห้ตามลำพัง

ในระหว่างที่ยังไม่พบธิดานี้ มีเรื่องแทรกเกี่ยวกับเจ้าแม่ดีมิเตอร์เกิดขึ้นเรื่องหนึ่ง สมควรจะเล่าไว้เสียด้วย

เพื่อมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดรู้จัก เจ้าแม่ดีมิเตอร์ได้จำแลงองค์เป็นยายแก่ ในขณะที่เจ้าแม่นั่งพัก พวกธิดาของเจ้านคร อีลูสิสรู้ว่ายายแก่มานั่งคร่ำครวญคิดถึงลูก บังเกิดความสังเวชสงสาร และเพื่อที่จะให้ยายหายโศกเสร้า นางเหล่านั้นจึงชวน ยายแก่เข้าไปในวังให้ดูแลกุมาร ทริปโทลีมัส (Triptolemus) ผู้น้อง ซึ่งยังเป็นทารกแบเบาะอยู่

เจ้แม่ดีมิเตอร์ยอมรับภาระนี้ พอลูบคลำโอบอุ้มทารก ทารกก็เปล่งปลั่งมีนวลขึ้นเป็นที่อัศจรรย์แก่เจ้านครและบริษัท บริวารยิ่งนัก ตกกลางคืนขณะที่เจ้าแม่อยู่ตามลำพังกับทารก เจ้าแม่คิดใคร่จะให้ทารกได้ทิพยภาพเป็นอมรรตัยบุคคล จึงเอา น้ำต้อยเกสรดอกไม้ชะโลมทารกพลางท่องบทสังวัธยายมนต์ แล้ววางทารกลงบนถ่านไฟอันเร่าร้อน เพื่อให้ไฟลามเลียเผา ผลาญธาตุมฤตยู ที่ยังเหลืออยู่ในกายทารกให้หมดสิ้น

ฝ่ายนางพญาของเจ้านคร ยังไม่วางใจยายแก่นัก ค่อยย่องเข้าไปในห้องเพื่อคอยดู ประจวบกับตอนเจ้าแม่ดีมิเตอร์ กำลังทำพิธีชุบทารกอยู่พอดี นางตกใจนัก หวีดร้องเสียงหลง พลางถลันเข้าฉวยบุตรออกจากไฟ ครั้นเห็นบุตรสุดสวาทไม่ เป็นอันตรายแล้ว จึงหันกลับมาจะไล่เบี้ยเอากับยายแก่เสียให้สาสมกับความโกรธแค้น แต่แทนที่จะเห็นยายแก่ กลับเห็น รูปเทวีประกอบด้วยรัศมีเรืองรองอยู่ตรงหน้า เจ้าแม่ตรัสพ้อนางพญาโดยสุภาพ ในการที่เข้าไปขัดขวางการพิธีเสีย ทำให้ มนต์เสื่อมและชุบทารกอีกไม่ได้ แล้วเจ้าแม่ดีมิเตอร์ก็ออกจากเมืองอีลูสิสเที่ยวหาธิดาต่อไป


วันหนึ่งเจ้าแม่ดีมิเตอร์พเนจรเลียบฝั่งแม่น้ำอยู่ พลันได้ประสบวัตถุแวววาวสิ่งหนึ่งอยู่แทบบาท เจ้าแม่จำได้ ทันทีว่าเป็นวายรัดองค์ของธิดา คือสายรัดองค์ที่เพอร์เซโฟนีทิ้งฝากนางอัปสรแห่งแม่น้ำไซเอนีไว้ เมื่อตอนรถทรงของฮาเดส จะลงสู่บาดาล เจ้าแม่ได้ของสิ่งนี้ยินดียิ่งนัก แสดงว่าธิดาอยู่ใกล้ที่นั้น จึงรีบดำเนินไปจนถึงน้ำพุแก้วแห่งหนึ่ง รู้สึกเมื่อยล้า จึงลงพักทอดองค์ตามสบาย พอรู้สึกเคลิ้มจะหลับ เสียงน้ำพุก็ฟ่องเฟื่องยิ่งขึ้นเหมือนเสียงพูดพึมพำ

ในที่สุดเจ้าแม่ก็จับความ ได้ว่า เป็นความประวัติของตนให้เจ้าแม่สดับฟัง และต้องการจะแจ้งข่าวของธิดาเจ้าแม่ว่าเป็นประการใด น้ำพุเล่าประวัติของ ตนเองว่า เดิมตนเป็นนางอัปสรขื่อว่า แอรีธูสะ (Arethusa) บริวารของเทวี อาร์เตมิส (Artemis) วันหนึ่งลง อาบน้ำในแม่น้ำ แอลฟีอัส (Alpheus) เทพประจำน่านน้ำนั้นหลงรัก แต่นางไม่ไยดีด้วยจึงหนีไป ส่วนเทพนั้นก็ ติดตามไม่ลดละ นางหนีเตลิดข้ามเขาไปตลอดแว่นแคว้น ซ้ำผ่านแดนบาดาลไปตลอดอาณาเขตของฮาเดส ได้เห็น เพอร์เซโฟนีประทับบัลลังก์อาสน์อยู่ในที่ราชินีแห่งยมโลก ครั้นกลับขึ้นมาอ่อนแรงเห็นไม่พ้นเทพแอลฟีอัส นางเสี่ยงบุญ อธิษฐานยึดเอาเจ้าแม่ของนางเป็นที่พึ่ง เทวีเดียนาจึงโปรดบันดาลให้นางกลายเป็นน้ำพุอยู่ ณ ที่นั่น

เมื่อได้รู้ถึงที่อยู่ของธิดาดังนี้แล้ว เจ้าแม่ดีมิเตอร์จึงรีบไปอ้อนวอนเทพปริณายกให้ช่วย ซูสอนุโลมตามคำวอนขอ โดยมีเงื่อนไขว่า ถ้าเพอร์เซโฟนีไม่ได้เสพเสวยสิ่งใดในระหว่างที่อยู่บาดาล จะให้ฮาเดสส่งเพอร์เซโฟนีขึ้นมาอยู่กับมารดา แล้วมีเทวบัญชาให้ เฮอร์มีสลงไปสื่อสารแก่ฮาเดสในยมโลก เจ้าแดนบาดาลจำต้องยอมโอนอ่อนจะส่งเพอร์เซโฟนีคืนสู่ เจ้าแม่ดีมิเตอร์ แต่ในขณะนั้นภูตครองความมืดเรียกว่า แอสกัลละฟัส (Ascalaphus) ร้องประกาศขึ้นว่า ราชินีแห่ง ยมโลกได้เสวยเมล็ดทับทิมแล้ว 6 เมล็ด

ในที่สุดจึงตกลงกันเป็นยุติว่า ในปีหนึ่ง ๆ ให้เพอร์เซโฟนีเทวีอยู่กับฮาเดสใน ยมโลก 6 เดือน สำหรับเมล็ดทับทิมที่เสวยเมล็ดละเดือน แล้วให้กลับขึ้นมาอยู่กับมารดาบนพิภพอีก 6 เดือน สลับกันอยู่ทุกปี ไป ด้วยเหตุนี้เมื่อเพอร์เซโฟนีเทวีอยู่กับมารดา โลกจึงอยู่ในระยะกาลของวสันตฤดู พืชพันธุ์ธัญญาหารนานาชนิดผลิดอก ออกผล และเมื่อเพอร์เซโฟนีเทวีลงไปอยู่ในบาดาล โลกก็ตกอยู่ในระยะกาลของเหมันตฤดู พืชผลทั้งปวงร่วงหล่นซบเซา อัน เป็นความเชื่อของชาวกรีกและโรมันโบราณ ตามเรื่องที่เล่ามาฉะนี้

ยังมีเรื่องที่ต้องเล่าต่ออีกเล็กน้อย คือเมื่อเจ้าแม่ดีมิเตอร์พบธิดาแล้ว ก็กลับไปยังเมืองอีลูสิสอีก เพราะว่าเจ้า ครองนครกับนางพญาปลูกวิหารถวายเจ้าแม่ไว้ที่นั่น เพื่อให้มนุษย์รู้จักการทำไร่ ไถนา เจ้าแม่ได้สั่งสอนทริปโทลีมัส ซึ่ง เติบโตเจริญวัยเป็นผู้ใหญ่แล้ว ให้รู้จักใช้ไถ จอบ และเคียว สั่งสอนชาวนาสืบ ๆ กันมาจนตราบเท่าบัดนี้




ที่มา:http://sefiroth.exteen.com/20060807/demeter
แบบฝึกหัดวิชา HT 325
แบบฝึกหัด บทที่ 1
1. ข้อใดไม่ถูกต้อง
    ตอบ ค.มนุษย์ไม่ต่างจากสัตว์ในแง่ของอารมณ์และความรู้สึกทางธรรมชาติ

2.  การที่สังคมมีความซับซ้อนและมีความเจริญทางวัตถุเกิดจากปัจจัยสำคัญข้อใด
      ตอบ ง.สัญชาตญาณ

ตอบ ง.ภาพเขียนสีถ้ำลาสโคซ์

4. คำว่ามนุษย์ถนัดในการใช้มือตรงกับข้อใดมากที่สุด
    ตอบ ก.โฮโมฮาบิลิส


5. ข้อใดเป็นมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์กลุ่มหนึ่งในยุโรปซึ่งทิ้งผลงานศิลปะไว้มากมายในถ้ำต่างๆ
    ตอบ ข.โครมันยอง

6. ข้อใด มิใช่ แหล่งโบราณคดีซึ่งพบหลักฐานภาพเขียนสีสมัยหินเก่าอายุประมาณ 30,000 – 25,000 BC.ในยุโรป
    ตอบ ค.โอลดูเวย์

7. ข้อใดเป็นศิลปะถ้ำซึ่งพบโดยบังเอิญจากการเล่นซุกซนของเด็กสองคนเมื่อค.ศ.1940
    ตอบ ข. ลาสโค


8. ภาพเขียนสีในถ้ำอะไรมักถูกยกเป็นตัวอย่างของจิตรกรรมสมัยก่อนประวัติศาสตร์เสมอ
    ตอบ ก. อัลตามีรา

9. ข้อใดไม่ถูกต้อง
    ตอบ ง. งานประติมากรรมรูปคนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ มักมีขนาดใหญ่

10. Menhir or Standing Stone เป็นอนุสาวรีย์หินแบบใด
      ตอบ ข. หินตั้งเดี่ยว


แบบฝึกหัด บทที่ 2

1. พื้นฐานดั้งเดิมก่อนเกิดอารยธรรมตะวันตกก่อนตัวขึ้นเมื่อใด
    ตอบ ก. ประมาณ 4,000 BC.

2. ภูมิภาคแถบเอเชียไมเนอร์เป็นแหล่งกำเนิดของอารยธรรมโบราณในข้อใด
    ตอบ ก. เมโสโปเตเมีย

3. แม่ น้ำไทกริส-ยูเฟรตีสพัดดินตะกอนมาท่วมสองฝั่งภาคใต้ดินแดนเมโสโปเตเมียในฤดู ใบไม้ผลิระหว่างเดือน......................ทำให้ภาคใต้เป็นดินแดนที่ราบ ลุ่มชายฝั่งทะเลอุดมด้วยปุ๋ยธรรมชาติเหมาะต่อการเพาะปลูกพืชพรรณธัญญาหาร ต่างๆ ข้อใดถูกต้อง

    ตอบ ข. มีนาคม พฤษภาคม

4. พื้นที่ภาคเหนือของดินแดนเมโสโปเตเมียมีฝนตกชุกเมื่อใด
    ตอบ ง. ฤดูใบไม้ผลิ

5. ข้อใดเป็นชนชาติเก่าแก่ที่ริเริ่มสร้างสรรค์อารยธรรมเมโสโปเตเมียขึ้นมา
    ตอบ ก. ชาวสุเมอเรียน

6. ข้อใดเป็นปัจจัยที่ทำให้ชาวเมโสโปเตเมียมองโลกในแง่ร้ายและไม่เห็นคุณค่าของชีวิต
    ตอบ ค. เห็นตนเองเป็นทาสที่เกิดมาเพื่อรับใช้พระเจ้า

7. ชาวสุเมเรียนไม่นิยมสร้างพระราชวังขนาดใหญ่ แต่นิยมสร้างซิกเกอแรท (Ziggurats) ศาสนสถานขนาดใหญ่กลางเมืองเป็นที่ประทับของเทพเจ้า ลักษณะคล้ายภูเขาห้อมล้อมด้วยกำแพงเมืองและบ้านเรือนประชาชน สร้างจากวัสดุประเภทใด
     ตอบ ก. อิฐตากแห้ง

8. ข้อใดเป็นการปกครองในระยะแรกของอาณาจักรสุเมอเรียน
    ตอบ ง. สภาของผู้ชายที่บรรลุนิติภาวะ

9. ข้อใดเป็นอักษรที่เกิดจากการใช้ไม้เขียนลงบนแผ่นดินเหนียวแล้วผึ่ง หรืออบให้แห้ง
    ตอบ ก.คูนิฟอร์ม

10. ข้อใดเป็นชื่อของผู้ก่อนตั้งอาณาจักรบาบิโลเนีย
   ตอบ ก.ฮัมบูราบี

11. “พวก Canaaites” เป็นคำเรียกชนชาติในข้อใด
    ตอบ ก. ชาวฟินิเชียน
 
12. หลังจากถูกรุกรานโดยชาวยิวและชาวฟิลิสไตน์เมื่อประมาณ 1,300-1,000 BC. ดินแดนของชาวคะนาอันไนต์จึงเหลือเพียง ฟินิเชียนซึ่งตั้งอยู่บนชายฝั่งแคบๆ ของทะเลอะไร
   ตอบ ก. ทะเลเมดิเตอเรเนียน

13. ในปี750BC.ชนชาติใดได้เข้ามายึดครองดินแดนของชาวฟินิเชียนจนเกือบหมดเหลือเพียงอาณานิคมที่เมืองคาร์เธจเท่านั้น
   ตอบ ก. ชาวแอสซิเรียน

14. ข้อใดเป็นต้นตระกูลของอักษรที่ชาวยุโรปใช้อยู่ในปัจจุบัน
    ตอบ ค.อักษรฟินิเชียน

15. ชาวฮิบรูเป็นชนเผ่าเร่รอนในทะเลทรายเมื่อ 1,400 BC. มีMoses เป็นผู้นำสำคัญในการปลดแอกจากการเป็นทาสของชนชาติใด
    ตอบ ข. อียิปต์

16. ข้อใดเป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรอิสราเอลเมื่อประมาณ1,013-973 BC.
    ตอบ ก. พระเจ้าเดวิด

17. อาณาจักรอิสราเอลถูกทำลายโดยชนชาติใด
     ตอบ ง. ชาวแอสซิเรียน

18. เหตุการณ์ที่เรียกกว่า The Babylonian Captivity เกี่ยวข้องกับชนชาติใด
    ตอบ ข.ชาวฮิบรู

19. ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับศสาสนายูดาย
      ตอบ ข. นับถือพระยะโฮวา

20. ผู้สถาปนาอาณาจักรเปอร์เซียเมื่อปี 549 BC. คือใคร
     ตอบ ง. พระเจ้าไซรัส


แบบฝึกหัด บทที่ 3

1. มหากาพย์อีเลียดและโอเดสซีเป็นของอารยธรรมกรีกยุคใด
    ตอบ ก. ยุคมืด

2. วิหารพาร์เธนอน (Parthenon) สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานรูปเคารพของเทพองค์ใด
    ตอบ ข. อะเธนา

3. หัวเสาทำเป็นรูปใบไม้ตรงกับข้อใด
    ตอบ ค. หัวเสาแบบโครินเธียน

4. ความนิยมในการสร้างประติมากรรมหญิงเปลือยแทนรูปชายเปลือยเกิดขึ้นยุคใด
    ตอบ ง. ยุคเฮเลนิสตติก

5. จิตรกรรมกรีกสมัยแรกมักทำ Back ground เป็นสีอะไร
    ตอบ ข. สีแดง

6. ลักษณะงานจิตรกรรมที่นิยมวาดสีพื้นตัดกับภาพในฉาก แล้วพัฒนาเป็นรูปเครือเถา และรูปเล่าเรื่องนิทานปรัมปรา (Methology) และมหากาพย์ของโฮเมอร์อย่างกลมกลืนงดงามเกิดขึ้นยุดใด
    ตอบ ค. ยุคคลาสสิค

7.  การแสดงละครแพร่หลายมากในยุดใด
     ตอบ ค. ยุคคลาสสิค

8. ข้อใดถูกต้องเมื่อกล่าวถึงละครแบบโศกนาฏกรรม (Tragedy)  และสุขนาฏกรรม (Comedy)
    ตอบ ก. ตัวละครชายทั้งหมด

9. นักปรัชญากรีกที่ก่อตั้งสำนักอะคาเดมีขึ้นที่เอเธนส์คือใคร
    ตอบ ข. เพลโต

10. นักปรัชญาที่เชื่อว่าปัญญานำมาซึ่งความรู้ และความรู้นำมาซึ่งความสุขสบาย ถ้าปราศจากความสุขสบายมนุษย์จะไม่เกิดปัญญา คือใคร
     ตอบ ค. อริสโตเติล

11. เทพองค์ใด มิใช่ พี่น้องของมหาเทพซูส
      ตอบ ค. อะธีน่า

12. อาวุธของมหาเทพซูส คืออะไร
      ตอบ ค. สายฟ้า

13. เทพที่มักปรากฏภายในลักษณะสวมหมวกขอบกว้างสวมรองเท้ามีปีกถือคทาที่มีงูพันคือใคร
      ตอบ ค. เฮอร์มีส

14. เทพีแห่งการครองเรือนและเทพแห่งครอบครัว คือใคร
      ตอบ ค. เฮสเทีย

15. เทพีแห่งสงคราม ความเฉลียวฉลาด และศิลปะศาสตร์
       ตอบ ข. อะธีน่า

16. เป็นชนวนเหตุของสงครามกรุงทรอยคือใคร
      ตอบ ง.อะโพรไดตี 
แบบฝึกหัด บทที่ 4

1. การปกครองในข้อใดทำให้เกิดจักรวรรดิไบแซนไทน์ (Byzantine Empire)
    ตอบ ค. การปกครองแบบ Tretarchy

2. หลังจากเกิดจักรวรรดิไบแซนไทน์ ข้อใดเป็นรูปแบบการปกครองของจักรวรรดิดังกล่าว
    ตอบ ก. การปกครองแบบ Autocrat

3. “โรมใหม่หมายถึงข้อใด
    ตอบ ค. คอนสแตนติโนเปิล

4. ข้อใด มิใช่ พื้นที่ของจักรวรรดิโรมันตะวันออกในคริสต์ศตวรรษที่ 7
    ตอบ ค. คาบสมุทรไอบีเรีย

5. ข้อใดเป็นการปกครองที่จักรพรรดิทรงมีอำนาจสูงสุดทั้งทางจักรวรรดิและทางศาสนา
    ตอบ ก. การปกครองแบบ Autocrat

6. จักรวรรดิโรมันตะวันออกใช้ภาษาอะไรในการสื่อสารอย่างเป็นทางการ
    ตอบ ก. ภาษากรีก

7. คริสต์ศาสนาแบบ Christian Hellenism มีศูนย์กลางที่ใด
    ตอบ ง. กรุงคอนสแตนติโนเปิล

8. ข้อใด ไม่ ถูกต้องเกี่ยวกับการแพร่หลายของศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์
    ตอบ ง. ยุโรปตะวันตก

9. ข้อใด  มิใช่ เมืองสำคัญทางศาสนาคริสต์ที่จักรพรรดิคอนสแตนตินทรงจัดไว้เมื่อ ค.ศ. 325
    ตอบ ก. เอเธนส์

10. ข้อใดไม่ ถูกต้อง
     ตอบ ง. Novels คือ นิยายเรื่องยาว


แบบฝึกหัดบทที่  5

1.ยุคกลาง (The Middle Age) หมายถึง   ยุคซึ่งอยู่ระหว่างความเจริญของโลกคลาสสิกกับความรุ่งเรืองของยุโรปสมัยใหม่ 

2.ศิลปะในสมัยยุคกลางตอนต้น (Early Middle Age) เรียกว่า เป็นยุคแห่งความสำเร็จพวกนอร์ธแมน เป็นยุคแรกของสังคมศักดินา 

3.ยุคกลางตอนปลาย (Lately Middle Age Art) เป็นยุคเสื่อมของ สถาบันศาสนาและระบบศักดินา

4.ระบอบศักดินา ( Feudalism) หมายถึง ระบบการปกครองและโครงสร้างทางสังคมที่เน้นความสำคัญของกรรมสิทธิ์ที่ดิน

5.ยุคกลางสิ้นสุดลงเมื่อ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส 

6.Benefice ในสมัยกลาง หมายถึง จารีตการยกที่ดินของวัดให้เอกชนเช่า โดยรับค่าตอบแทน คือ แรงงานและการเป็นทหารหรือยกผลผลิตให้แก่วัด

7.Lord หมายถึง ขุนนางขั้นสูงซึ่งได้รับพราราชทานกรรมสิทธิ์ที่ดิน

8.พวก Crofter and Cotters ในสมัยกลาง หมายถึง คนที่มีสถานภาพทางสังคมต่ำกว่าทาสติดที่ดิน เพราะไม่มีที่ดินทำกิน

9.อำนาจของชนเผ่าเยอรมันมาจาก การใช้คมหอก สันปลายแคบและเครื่องมือเหล็ก

10.ชาวคริสต์เชื่อว่ากรุงโรมเป็นสถานที่ศักดิ์เพราะ  เป็นที่ฝังร่างของนักบุญปีเตอร์ สาวกของพระเยซู

11.วิหารพระเจ้าชาเลอมาญ ( King Chalemagn) ตั้งอยู่ที่เมือง อาเดน ประเทศเยอรมันนี

12.โบสถ์ All Saint Church ที่นอร์แธมตันไซร์ (Northamshire) ประเทศอังกฤษ เป็นโบสถ์แบบ แองโกล แซกซอน 

13.สถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ (Romanesque) มีลักษณะเด่น คือ มีประตูหน้าต่างโค้งกลม กำแพงหนา กระเบื้องปูพื้นขนาดใหญ่ บานหน้าต่างเล็กและเรียวยาว

14.มหาวิหารดูแรห์ม (Dohram) มีลักษณะเด่น คือ การนำซุ้มโค้งแบบไชว้มาใช้เป็นครั้งแรก

15.จุดเด่นของสถาปัยกรรมกอธิก (Gothic) คือ การใช้เสาค้ำยันจากภายนอกและการใช้เสาหิน

16.ใครเป็นผู้เขียนวรรณกรรมเรื่อง The City of God นักบุญ Augustin

17.มหากาพย์เรื่อง Chanson de Roland สะท้อนให้เห็นคุณธรรมด้าน ความกล้าหาญ อุดมการณ์ จริยธรรม ความเสียสละและศรัทธาในศาสนาคริสต์
 
18.นิยายเพ้อฝันสมัยกลางเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ความรักเกี่ยวกับหนุ่มสาว ความจงรักภักดีของ Vassal ที่มีต่อ Lord เวทมนต์คาถา และเรื่องลี้ลับมหัศจรรย์ นิยมกันมาก คือ สงครามโทรจันสมัยกรีก อเล็กซานเดอร์มหาราช กษัตริย์อาร์เธอร์
 
19.The Idea of Chivalry หมายถึง การแสวงหาความรัก เทิดทูนบูชาต่อสตรีสูงศักดิ์
20.Canterberry Tales คือ นิยายเสียดสีสังคมที่มีชื่อเสียง เป็นเรื่องของการเดินทางจาริกแสวงบุญ


3.  ข้อใดถูกต้องที่สุดเมื่อกล่าวถึงการศึกษางานศิลปะสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในโลกตะวันตก