วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

ประเทศฮังการี (Hungary)
ข้อมูลเบื้องต้นทั่วไป :
          ประเทศสาธารณรัฐฮังการี : Republic of Hungary,
มอยอร์ เคิซตาร์ชอช้าก : Magyar Kztrsasg หรือ มอยอร์ออซ้าก : Magyarorszg

          พื้นที่โดยรวมของประเทศ : ประเทศฮังการีนั้น มีพื้นที่ที่ตั้งอยู่ใจกลางทวีปยุโรป ในบริเวณที่ราบอ่างกระทะของเทือกเขาคาร์ปาเทียน (Carpathain Basin) และไม่มีพื้นที่ติดกับทะเล

          มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน 8 ประเทศคือ :
ทิศเหนือ ติดกับ สโลวาเกีย และ ยูเครน
ทิศตะวันออก ติดกับ โรมาเนีย
ทิศใต้ ติดกับ โครเอเชีย, เซอร์เบีย และ มอนเตเนโกร
ทิศตะวันตก ติดกับ ออสเตรีย และ สโลเวเนีย
          ประชากรรวมทั้งหมด :  10.2 ล้านคน (ประมาณ 1 ใน 6 ของประเทศไทย) ร้อยละ 63.7 อาศัยอยู่ในเมือง และร้อยละ 36.3 อาศัยในชนบท มีประชากรในวัยทำงานประมาณ 5.2 ล้านคน แบ่งเป็นในส่วนของภาคอุตสาหกรรม และการค้า 42%, ภาคบริการ 42%, ภาคการเกษตร 8% และ ภาครัฐ 7%
          ศาสนา :  คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก 67.5%, คาลวินิสต์ 20% และลูเธอแรน 5%
          การปกครอง : ประชาธิปไตยแบบรัฐสภาซึ่งเป็นระบบสภาเดียว มีสมาชิก 386 คนมาจากการเลือกตั้ง โดยตรงมีวาระการทำงาน 4ปี มีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาลซึ่งมีอำนาจในการบริหารงานแผ่นดิน และมีประธานาธิบดีซึ่งมาจากการเลือกตั้งทำหน้าที่เป็นประมุขของประเทศ อยู่ในตำแหน่งวาระละ 5 ปี ดำรงตำแหน่งได้เพียง 2 วาระ
        
          เมืองหลวง : กรุงบูดาเปสต์ (Budapest)  บูดาเปสต์นอกจากจะเป็นเมืองหลวงของประเทศแล้วยังเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสาธารณรัฐฮังการี และเป็นศูนย์กลางทางการเมือง ศิลปะวัฒนธรรม ธุรกิจ และการคมนาคม
เมืองใหญ่เมืองนี้มีจุดกำเนิดขึ้นมาจากการรวมตัวกันของเมืองเล็ก ๆ สามเมือง ซึ่งมีแม่น้ำดานูบไหล่ผ่านเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ปี ค.ศ. 1873 อันได้แก่เมือง Buda เมือง ำbuda ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งขวาของแม่น้ำดานูบ และเมือง Pest ที่ตั้งอยู่ทางฝั่งซ้าย
          ภาษาราชการ : ภาษาฮังเกเรี่ยนหรือ Magyarul ซึ่งอ่านว่า มอ-(จ)ยอ-รูล 98% อื่น ๆ 2%
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในแวดวงของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของฮังการี ภาษาต่างประเทศที่สำคัญ ๆ ก็สามารถใช้สื่อสารกันได้เป็นอย่างดี ฉะนั้นอุปสรรคทางด้านภาษาจึงไม่น่าจะเป็นที่กังวลสักเท่าไรนักสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวที่ประเทศนี้
          ภูมิอากาศ : มี 4 ฤดู 
เดือนที่ร้อนที่สุดคือ : เดือนกรกฎาคม และเดือนสิงหาคม อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 28C - 35C
เดือนที่อากาศหนาวเย็นที่สุดคือ : เดือนธันวาคม และเดือนมกราคม อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่  1 - 2 C แต่ก็อาจจะลดต่ำลง ได้ถึง -15 C
          เวลา :   ช่วงหน้าร้อน เดือนมีนาคม - กลางเดือนตุลาคม เวลาจะช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง   หลังจากกลางเดือนตุลาคม - เดือนกุมภาพันธ์ เวลาจะปรับเป็นห่างจากประเทศไทย 6 ชั่วโมง  ช่วงเดือนที่พระอาทิตย์ส่องแสงยาวนานที่สุด 8 ชั่วโมงคือ : เดือนเมษายน - เดือนกันยายน
          เงินตรา : ในสาธารณรัฐฮังการีปัจจุบันนี้ยังใช้สกุลเงินฟอรินท์ = Ft (HUF) อยู่ค่ะ ถึงแม้ว่าฮังการีจะเข้าร่วมเป็นสมาชิกในกลุ่มประเทศ EU แล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนสกุลเงินตามประเทศอื่น ๆ ที่อยู่ในกลุ่มสมาชิก ถ้าหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอีกคาดว่าประเทศฮังการีจะ สามารถเปลี่ยนสกุลเงิน และหันไปเริ่มใช้เงินสกุล Euro ได้เหมือนกับประเทศสมาชิกอื่น ๆ ในปี ค.ศ. 2012

ประวัติศาสตร์ฮังการี (Hungary)

ชาวฮังเกเรี่ยนในปัจจุบันจะเรียกตัวเองว่ามอยอร์ (Magyar) และมาจาก "มอยอร์ออร์ซ้าก" (Magyarorszag) ซึ่งหมายถึง "ประเทศของชนเผ่ามอยอร์" คำว่า Orszag หมายถึงประเทศ แต่ที่ได้ชื่อประเทศว่า Hungary ในภาษาอังกฤษก็เพราะมาจากชื่อชนเผ่าดั้งเดิมเผ่าหนึ่ง ซึ่งเป็นบรรพบุรุษสายหนึ่งของชาวฮังเกเรี่ยนในปัจจุบันนั่นเอง

เราอาจจะเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับเหล่านักรบบนหลังม้าที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้ธนูกันมาบ้างแล้ว พวกเขาคือพวกชนเผ่า Hun นั่นเองค่ะ (อ่านว่า "ฮุน" นะไม่ใช่"ฮั่น")    ชาวฮังเกเรี่ยนในปัจจุบันนี้สืบเชื้อสายมาจากชนเผ่าใหญ่ ๆ 2 เผ่าค่ะ คือ :
    1. เผ่า Hun เผ่านี้ เดิมมีถิ่นอาศัยอยู่ในที่ราบตอนเหนือของประเทศจีนในปัจจุบันแถบไซบีเรียและมองโกเลีย
    2. เผ่า Magyar เผ่านี้ มีถิ่นอาศัยอยู่เดิมในเอเชียกลางทางด้านตะวันออกของเทือกเขา Ural เมื่อประมาณ 3-4,000 ปีก่อนคริสต์กาล
ส่วนพวกฮุนนั้น ในช่วงระยะเวลาประมาณ 36-35 ปีก่อนคริสต์กาล พวกเขาก็ได้เริ่มเคลื่อนย้ายครอบครัวออกเดินทางจากถิ่นที่อยู่เดิมในที่ราบตอนเหนือของประเทศจีนในปัจจุบัน จากดินแดนแถบไซบีเรียและมองโกเลียมาทางด้านทิศตะวันตก เพราะว่ากองทัพจีนเริ่มทวีความแข็งแกร่ง และมีอำนาจมากขึ้นเรื่อย ๆ และในที่สุด กองทัพจีนก็ได้บุกเข้าขับไล่พวกฮุนออกจากพื้นที่ที่พวกเขาเคยอยู่ (ก่อนหน้านี้ชนเผ่าฮุนมีอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่และมีกองทัพที่เกรียงไกรมากค่ะ และพวกเขาก็มักจะบุกเข้าโจมตีชาวจีนและชนชาติอื่น ๆ ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงอยู่บ่อย ๆ เพราะโดยพื้นฐานแล้วพวกเขามีนิสัยดุดัน โหดร้าย มักจะไล่ปล้นสดมภ์ ข้าวของของผู้อื่นอยู่เสมอ)
ตลอดเส้นทางที่พวกเขาได้เดินทางอพยพมานั้น ชาวเผ่าฮุนได้บุกเข้าโจมตีและยึดครองพื้นที่ที่ชนชาติต่าง ๆ อาศัยอยู่ก่อนแล้วให้มาเป็นของตัวเอง เช่น พื้นที่บางส่วนของอาณาจักรรัสเซีย อาณาจักรเยอรมัน และชนชาติเล็ก ๆ อื่น ๆ อีกมากมาย และหลังจากนั้นไม่นานก็เข้ายึดครองอาณาเขตบางส่วนของอาณาจักรโรมัน ที่แผ่ขยายมาถึงพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของประเทศฮังการีในปัจจุบันด้วย (ตอนนี้ก็ยังมีร่องรอยอารยธรรมสิ่งปลูกสร้างของอาณาจักรโรมันในช่วงที่เข้ามาครอบครองอยู่ในสมัยนั้นหลงเหลืออยู่ทั่วไป ทั้งในกรุงบูดาเปสต์และในเมืองอื่น ๆ ทั่วประเทศ)
ชนเผ่าฮุนได้ทำการขับไล่ชาวโรมันในพื้นที่ที่อยู่อาศัยมาแต่เดิมออกไป แล้วจึงเริ่มก่อตั้งดินแดนที่ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำ Duna หรือ Danube และแม่น้ำ Tisza ขึ้นเป็นอาณาจักรของตนเอง เหตุการณ์สำคัญนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ชนชาติฮุนอยู่ภายใต้การปกครองของผู้นำที่มีชื่อว่า Attila หรือที่เรารู้จักกันในนาม Attila The Hun นั่นเอง


สถาปัตยกรรม
Millenary Benedictine Abbey of Pannonhalma and its Natural Environment (โบสถ์พันปีนิกายเบเนดิกทีนแห่งพันนอนฮาลมาและสภาพแวดล้อมธรรมชาติ)

นักบวชนิกายเบเนดิคทีน (Benedictine) กลุ่มแรกเข้ามาตั้งรกรากที่นี่ใน คริสต์ศักราช ๙๙๖ (พุทธศักราช ๑๕๓๙) จากนั้นพวกเขาได้เผยแผ่ศาสนาในหมู่ชาวฮังการี จนสามารถก่อตั้งโรงเรียนแห่งแรกในประเทศและใน คริสต์ศักราช ๑๐๕๕ (พุทธศักราช ๑๕๙๘) ได้เขียนเอกสารฉบับแรกเป็นภาษาฮังการี ตั้งแต่แรกก่อตั้ง สังคมนักบวชแห่งนี้ได้ส่งเสริมวัฒนธรรมไปทั่วยุโรปตอนกลาง ประวัติศาสตร์พันปีสามารถเห็นได้จากรูปแบบสถาปัตยกรรมที่สืบเนื่องกันมาของอาคารในอาราม (อาคารที่เก่าที่สุดสมีอายุตั้งแต่ คริสต์ศักราช ๑๒๒๔ / พุทธศักราช ๑๗๖๗) ซึ่งปัจจุบันอาคารดังกล่าวยังใช้เป็นโรงเรียนและอาคารของอาราม
Early Christian Necropolis of Pécs (Sopianae) (สุสานยุคคริสเตียนตอนต้นแห่งเปช (โซเพียเน)
ในคริสต์ศตวรรษที่ ๔ (พุทธศตวรรษที่ ๙) สุสานที่มีการประดับตกแต่งกลุ่มหนึ่งได้ก่อสร้างขึ้นในบริเวณสุสานของเมืองต่างจังหวัดของโรมันคือเมืองโซเพียเน (Sopianae - เมืองเปช (Pécs) ปัจจุบัน) สุสานเหล่านี้มีความสำคัญทั้งทางด้านโครงสร้างและสถาปัตยกรรม เนื่องจากก่อสร้างขึ้นเป็นห้องฝังศพใต้ดินและมีโบสถ์น้อยเป็นอนุสรณ์สถานอยู่บนดิน หลุมศพดังกล่าวยังมีความสำคัญในแง่ศิลปะเนื่องจากล้วนแต่ได้รับการตกแต่งอย่างมากมายด้วยจิตรกรรมฝาผนังที่มีคุณภาพเยี่ยมเป็นภาพเรื่องราวต่าง ๆ ในคริสตศาสนา
นักศิลปะ
Portrait Lotz Karoly
             Lotz Karoly เกิดในปี 1833 ที่ Homburg vor der Hohe แม้ว่าเขาจะเกิดในเยอรมนี แต่เขาเติบโตและใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในเมืองเปสต์ (ช่วงเวลานั้นบูดาและเปสต์ยังมิได้รวมเป็นเมืองเดียวกัน) เขาเข้าเรียนวาดรูปที่ School of Karl Heinrich Rahl ในกรุงเวียนนา เนื่องจากเขาเป็นผู้มีความชำนาญในการวาดภาพเฟรสโก เขาจึงกลายเป็นผู้ทำหน้าที่ตกแต่งพิพิธภัณฑ์แห่งชาติฮังการี โรงอุปรากรแห่งชาติ ศาลฎีกาและรัฐสภาในเวลาต่อมา
ไม่เพียง Lotz จะถนัดในการเขียนภาพเฟรสโกเท่านั้น เขายังชอบวาดภาพผู้หญิงด้วย ผู้หญิงที่เขาวาดมักใส่ชุดสีขาวพลิ้วไหวดูสวยงามตามธรรมชาติ เต็มไปด้วยความรู้สึกและมีเสน่ห์รัดรึงใจ การที่เขามีความสามารถทางด้านการวาดภาพทำให้เขากลายเป็นศาสตราจารย์ทางด้านศิลปะของมหาวิทยาลัยหลายแห่งในบูดาเปสต์ เป็นผู้ก่อตั้งแผนกการวาดภาพสตรีในปี 1885
Mihaly Munkacsy ศิลปินฮังกาเรียนแห่งยุค Realism
Mihaly Munkacsy เป็นชาวเยอรมันโดยกำเนิด เมื่อเขามีโอกาสฝึกวาดภาพจาก Elek Szamossy ศิลปินชาวฮังกาเรียน เขาจึงเดินทางไปที่เปสต์ เมืองหลวงของฮังการีในขณะนั้น เพื่อขอทุนการศึกษา หลังจากนั้นเขาเข้าศึกษาต่อที่ Academy of Vienna กับ Karl Rahl ในปี 1865 และศึกษาต่อที่ Munich และ Dusseldorf ในเยอรมนีในอีก 2 ปีต่อมา แม้ว่าเขาจะได้มีโอกาสเรียนรู้ทางด้านศิลปะกับโรงเรียนหลายแห่งแล้วก็จริง แต่เขายังคงต้องการพัฒนาฝีมือต่อไป ฉะนั้นเขาจึงเดินทางไปศึกษาต่อที่กรุงปารีส อันเป็นเมืองที่ศิลปะกำลังรุ่งเรืองถึงขีดสุดในขณะนั้น  Munkacsy เป็นผู้ที่พยายามพัฒนาฝีมืออย่างต่อเนื่อง เขาจึงมีผลงานหลากหลายแบบ ในช่วงแรกผลงานของเขาซึ่งเป็นแนว Realism จะใช้สีแบบทึมๆ คล้ายกับผลงานของศิลปินฮังกาเรียนที่มีชื่อเสียงคนอื่นๆ ในยุคนั้น เช่น Karoly Lotz แต่งานของเขาส่วนใหญ่เป็นภาพเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของชาวนาและคนยากจน เช่น The Condemned Cell, Woman Carrying Brushwood และ Churning Woman ฉากชีวิตในชนบทมักเตือนให้เขารำลึกถึงความยากลำบากเมื่อสมัยยังเป็นเด็กยากจนเสมอ ภาพเหล่านี้จึงแสดงถึงความเป็น Realism หรือชีวิตที่แท้จริงของชาวบ้านในยุคสมัยนั้นได้อย่างยอดเยี่ยม โทนสีของภาพที่ออกทึมๆ หรือมืดดำ สีหน้าของหญิงวัยกลางคนที่ดูเหน็ดเหนื่อยเศร้าหมอง มือที่เหี่ยวย่น เสื้อผ้าที่ดูขาดวิ่น และเครื่องมือเครื่องใช้ ที่สกปรกรอบตัวแสดงให้เห็นถึงชีวิตที่ยากลำบากและขาดแคลน Churning   Woman จึงเป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นถึงความหดหู่ของศิลปินเมื่อเขาต้องเผชิญกับความจริงที่หมองเศร้าของชีวิต

The Blind Milton Dictating Paradise Lost to his Daughter
Mihaly Munkacsy oil painting

แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในฮังการี

       อาคารรัฐสภาฮังการี (Hungary Parliament) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอันตระการที่ไม่ควรพลาดมาเที่ยวชม ถือว่าป็นสัญลักษณ์ของฮังการี อาคารรัฐสภาตั้งโดดเด่นอยู่ริมแม่น้ำดานูบบนฝั่งเปสต์ เป็นอาคารรัฐสภาที่ชาวฮังกาเรี่ยนภูมิใจว่าเป็นอาคารรัฐสภาที่สวยที่สุดในโลก เพราะตัวอาคารมีความสวยงามด้วยสภาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิคที่ดูคลาสสิคด้วย หลังคาสีแดง อาคารรัฐสภาแห่งนี้เริ่มสร้างเมื่อปี ค.ศ.1885 และใช้เวลากว่า 20 ปีกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ โดยรูปแบบอาคารได้รับอิทธิพลมาจากอาคารรัฐสภาแห่งลอนดอน สหราชอาณาจักร        ภายในอาคารรัฐสภาประกอบด้วยห้องมากมายถึง 700 ห้อง มีประตูทางเข้า 27 แห่ง บนตัว  อาคารประดับด้วยยอดสูง 365 ยอด ซึ่งการเดินชมภายในรัฐสภาจะจัดเป็นกลุ่มย่อยๆ และมีไกด์คอยพานำชมห้องต่างๆ ซึ่งแต่ละห้องตกแต่งอย่างสวยสดวิจิตรอลังการงดงามตระการตาเป็นอย่างยิ่ง

         มหาวิหารเซนต์สตีเฟน(St.Stephen Basilica) ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองสูงโดดเด่นเป็นสง่าในฝั่งเปสต์ เป็นมหาวิหารที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่เซนต์สตีเฟน กษัตริย์พระองค์แรกแห่งราชอาณาจักรฮังการี สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1851 เสร็จสมบูรณ์เมื่อปี ค.ศ.1905 ใช้เวลากว่า 54 ปีในการก่อสร้าง มหาวิหารแห่งนี้มีความสูงถึง 96 เมตร ถือว่าป็นอาคารที่มีความสูงที่สุดในบูดาเปสต์ ภายในมหาวิหารโอ่โถงอลังการท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบ การตกแต่งภายในถึงแม้จะดูเรียบง่ายแต่ก็แฝงไว้ด้วยความงดงามทางสถาปัตยกรรม
 
      โบสถ์แมทเทียส ยังมีอนุสาวรีย์ของพระเจ้าสตีเฟ่นที่ 1 ตั้งเด่นเป็นสง่าให้ได้ชมกันเป็นอนุสาวรีย์พระบรมรูปทรงม้าผลงานประติมากรรมที่งดงามของศตวรรษที่ 11เป็นโบสถ์ใหญ่เก่าแก่อายุ 700 ปี ที่ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โบถส์แห่งนี้ตั้งชื่อตามพระนามของกษัตริย์แมทเทียส กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งฮังการี เมื่ออดีตโบสถ์แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีเถลิงราชสมบัติของ กษัตริย์แห่งฮังการี แต่ในช่วงที่ฮังการีถูกรุกรานจากกองทัพเติร์ก สมบัติส่วนใหญ่ถูกขนออกไป และถูกเปลี่ยนสภาพให้เป็นมัสยิสหลักของเมืองภายใต้การปกครองของตุรกีในปี ค.ศ.1541 และในช่วงสงครามขับไล่กองทัพเติร์ก โบสถ์แมนเทียสได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก กระทั่งเมื่อสงครามสงบลงจึงมีการบูรณะโบสถ์แมทเทียสให้กลับมายิ่งใหญ่และงด งามดังเดิม มีหลังคาสลับสีอันสวยงามตามสไตล์นีโอ-โกธิค ส่วนด้านโบสถ์ประดับประดาไปด้วยภาพเขียนสี และกระจกสีที่บอกเล่าเรื่องราวทางศาสนาที่งดงามเกินคำบรรยาย

  ฮีโร่สแควร์ (Hero Square) สถานที่แห่งนี้เป็นลานโล่งกว้างขนาดใหญ่ ที่มีอนุสาวรีย์แห่งสหัสวรรษ (Millennium Memorial) ตั้งตระหง่านอยู่กลางลานฮีโร่สแควร์ อนุสาวรีย์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการก่อตั้งอาณาจักรฮังการีครบรอบ หนึ่งพันปี เสาสูงตระหง่านของอนุสาวรีย์ เป็นที่ตั้งของรูปหล่อเทวทูตกาเบรียล อันเป็นสัญลักษณ์ของคริสตจักรโรมันคาทอลิกที่เป็นดั่งหลักของอาณาจักร ฮังการี รอบเสาสูงเป็นที่ตั้งของรูปหล่อผู้นำของชนเผ่าทั้ง 7 ที่ร่วมกันก่อตั้งอาณาจักรฮังการีขึ้นเมื่อคริสตศวรรษที่ 9   นอกจากนี้ยังมีเสาระเบียงโดยรอบที่ประดับประดาไปด้วยรูปหล่อของบุคคล สำคัญของฮังการี ไม่ว่าจะเป็นอดีตกษัตริย์ นักปราชญ์ และบุคคลในประวัติศาสตร์ของฮังการี ซึ่งในช่วงที่มีการก่อสร้างอนุสาวรีย์แห่งนี้ขึ้น ฮังการียังคงอยู่ภายใต้จักรวรรดิออสเตรีย ดังนั้นรูปหล่อบางรูปในขณะนั้น จึงเป็นบุคคลจากราชวงศ์ฮับสบวร์กแห่งออสเตรีย แต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง อนุสาวรีย์แห่งนี้ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก การบูรณะหลังจากนั้นได้มีการเปลี่ยนรูปหล่อของบุคคลจากราชวงศ์ฮับสบวร์กทั้ง หมดให้เป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ฮังการี สอดคล้องกับสภาพการเมืองในขณะนั้นที่จักรวรรดิออสเตรียล่มสลายลง และฮังการีได้แยกตัวออกมาเป็นประเทศเอกราช
        มหาวิหารแมททิอัส (MATTHIAS CHURCH) โบสถ์เก่าแก่ที่ได้รับผลกระทบจากกการ ปกครองในแต่ละยุคแต่ละสมัย อาทิ ถูกดัดแปลงให้เป็นมัสยิดเมื่อครั้งถูกยึดครองด้วยชาวเติร์ก ซึ่งมีหลังคาสลับสีอันสวยงามของ สถาปัตยกรรมแบบนีโอ โบสถ์นี้เคยใช้จัดพิธีสวมมงกุฎให้กษัตริย์มาแล้วหลายพระองค์ ชื่อโบสถ์มาจากชื่อกษัตริย์แมทธิอัส ซึ่งพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถมาก ในสมัยของพระองค์ถือว่าเป็นสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาอย่างแท้จริง สิ่งก่อสร้างที่งดงามเกิดขึ้นมากในเมืองหลวงและเมืองอื่นๆ ซึ่งโบสถ์นี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้เรียบร้อยแล้ว


ที่พักในฮังการี
โรงแรม Golden Park Budapest  เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ที่เราอยากจะแนะนำให้นักท่องเที่ยว ให้ไปใช้บริการดูสักครั้ง
            สถานที่ตั้งของGolden Park Hotelที่อยู่ของ Golden Park Hotel ใน Budapest คือ Baross Ter 10  Golden Park Hotel ใน Budapest ถูกสร้างอยู่ในพื้นที่ ที่เหมาะสมแก่การเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญต่างๆ ทั้งยังรายล้อมไปด้วยร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก บาร์ หรือร้านอาหารต่างๆในเมืองBudapest (Budapest) จากสถานที่ตั้งของโรงแรม ท่านสามารถใช้เวลาเดินทางเพียงไม่กี่นาทีเพื่อที่จะไปสนามบิน 
           สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพัก ของ Golden Park Hotel 
ที่ Budapest มีห้องพักที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามกับของใช้พื้นเมืองที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความทันสมัยของสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพักและบริการของ Golden Park Hotel Budapest ยังเป็นสิ่งเพิ่มเติมในความลงตัวของการท่องเที่ยวใน ฮังการี ที่จะทำให้ท่านพักอยู่ฮังการีอย่างสนุกสนานและน่าจดจำ
           สำหรับการทำให้นักท่องเที่ยวได้พบกับประสบการณ์อันน่าประทับใจ Golden Park Hotel จึงมีพนักงานบริการตลอด 24ชั่วโมง สิ่งนันทนาการในห้องนอน ที่จอดรถอันปลอดภัย และเครื่องอำนวยความสะดวกในห้องพัก นอกจากนี้ Golden Park Hotel ใน Budapest ยังมีบริการห้องอาหารและภัตตาคารที่มีให้เลือกมากมายจากหลายชาติ ทุกสิ่งที่ Golden Park Hotel จัดหามาบริการท่านนั้นก็เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพื่อให้เกิดความประทับใจเมื่อท่านได้เดินทางมาท่องเที่ยวฮังการี

อาหารฮังการี่ ที่ได้พอเมื่อไปเที่ยวฮังการี่ต้องรับประทาน
        Gulasch (กูลาช) เป็นอาหารที่มีชื่อเสียงในประเทศฮังการี และเป็นอาหารที่คนเยอรมันชอบกินกันมาก ลักษณะคล้ายกับซุปข้นหรือสตู ทำมาจากเนี้อหมู ไก่งวง หรือเนื้อก็มี นอกจากนี้ก็มี Toltottkaposzta หรือ กะหล่ำปลีห่อข้าวรสเปรี้ยว อีกด้วย เมื่อลองอาหารคาวแล้ว อย่าลืมชิมขนมพื้นเมืองที่ขึ้นชื่อของฮังการีด้วย เช่น Langose เป็นแป้งเหนียวๆ ป้ายด้วยเนยกระเทียม ราดซอสมะเขือเทศ แล้วโรยหน้าด้วยมอสเรลล่าชีส กลิ่นหอมรสชาติดีมากมาย แต่ต้องทานร้อนๆ หรืออาจลิ้มรส Stuffed Pancake (แพนเค้กสอดไส้) ที่เลื่องลือมานานนับร้อยๆ ปีแล้ว และ Sponge Cake ก็อร่อยน่าลองไม่แพ้กันนักท่องเที่ยวอาจไปแวะชิมได้ตามร้านอาหารทั่วไป หรือ ภัตตาคารภายในที่พักในฮังการีของท่านก็ได้เช่นกัน
ของที่ระลึก
ของที่ระลึกจากฮังการีมีให้เลือกจับจ่ายมากมาย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นงานหัตถกรรมแบบต่าง ๆ อย่างเช่น บรรดาตุ๊กตาไม้ที่วาดลวดลายบ่งบอกถึงศิลปะพื้นเมือง และถูกดัดแปลงให้เป็นของใช้สารพัดชนิด
ใครที่ชอบสะสมตุ๊กตาแม่เหล็กติดตู้เย็น ก็มีให้เลือกหาหลากแบบหลายสีสัน
งานไม้จำพวกตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ที่มีการวาดลวดลายศิลปะ หรือชุดแต่งการประจำชาติถูกดัดแปลงให้เป็นอุปกรณ์ประดับบนโต๊ะอาหาร หรือเครื่องใช้ในครัวเรือน อย่างเช่นขวดตุ๊กตาคู่ชาย - หญิง ที่ใช้สำหรับใส่เกลือและพริกไทย โถพริกปาปริก้า โถน้ำตาล โถใส่เครื่องปรุงรสต่าง ๆ ก็มีให้เลือกซื้อเลือกหาไปใช้อยู่หลากสีหลายลาย

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น